หน้าเว็บ

วันอาทิตย์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2561

#น้ำพุ...
คนงานในไร่มันสัมปะหลัง
มาเล่าว่าไปพบเด็กกำพร้า
เฉลียวฉลาดทันคน พูดจาฉะฉาน
เสียดายมิได้เล่าเรียน
ด้วยฐานะยากจน
มาตแม้นคุณหญิงจำปาจะเมตตา
รับเลี้ยงแลอุปถัมป์ค้ำจุน
คงเป็นบุญของเด็ก
กล่าวกันเยี่ยงนี้หลายๆปาก
มากความเข้า คุณหญิงจึงขอพบเด็กคนนี้
ตัวดำ เนื้อตัวมอมแมม ตาใสบ๊องแบ๊ว
พูดจาฉะฉานดั่งว่า
จะเลี่ยงงเองก็สุดปัญญา
จึงไปเจรจากับพระคุณหลวงพ่อที่วัด
ท่านก็จับยามสามตาดูแลพยักหน้า
เด็กก็ถูกพามาอยู่ที่วัด
คราวนั้นเศรษฐีมากมาทรัยย์
อยากได้ลูกบุญธรรมไปเลี้ยง
ด้วยว่าไปดูหมอมาแล้ว
หมอทักว่าลูกชายเป็นคนน้อยวาสนา
จักได้ดีแต่ว่าต้องมีคนมาคอยรับเคราะห์แทน
จึงวางอุบายว่าจะไปขอเด็กมาเลี้ยง
ให้เป็นเกลอกันกับลูกชายตนเอง
เด็กน้อยจากป่ามัน
มาอยู่วันได้สามวัน
ก็ได้ไปอยู่หฤหาสมโหฬาร
เขานั่งหงอๆ มิกล้าพูดจากับผู้ใด
ด้วยรู้ตัวว่าต่ำต้อยยิ่งนัก
พี่สาวสองคนก็ถูกยกให้เศรษที่ที่บางกอก
เพราะพ่อตาย แลแม่ก็พิการ
ใยต้องเลี้ยงลูกอีก
เลยจำยอมจากแม่มา
เรียนและเล่นอยู่กับลูกๆท่านเศรษฐี
ประดุจลูกกลานได้สักปีนึง
ก็เกิดเหตุ คุณทวดท่านเสียชีวิต
ท่านเศรษฐี มีดำหริให้ หลานๆบวชเณร
อันรวมเอาไอ้ดำเด็กลาวเข้าไปด้วย
ตอนบวชกันนี่สนุกสนาน
ครั้นกลางคืน เผาศพเสร็จ
มีแต่คนร้องให้ขอสึกจากเณร
มิมีผู้ใด จักขออยู่กเก็บอัฐถิของผู้ชาย
ท่านเศรษฐีจึงว่า
เณรดำ อย่ารีบสึก รอเก็บกระดูกก่อน
เขาก็อยู่ต่อ ครั้นเก็บกระดูแล้ว
เศรษฐีก็ว่ารอทำบุญ 7 วันก่อนค่อยสึก
แล้วก็มาบอกว่า
รอทำบุญ 100 วันก่อนค่อยสึก
เณรดำก็อยู่เยี่ยงนั้น
เจ้าอาวาสนก็สอนวิปัสนาให้แก่เณร
ท่านว่า ต่อแต่นี้ ออเจ้าจงชื่อ"น้ำพุ"เถิดหนา
ด้วยบุญญาของเจ้า เหมือนน้ำพุ
พุ่งขึ้นสูงสุด แล้วก็ตกลงสู่ดิน"
ที่ว่านี้ ท่านเห็น น้ำพุ นี่ อุตส่าหนีจากดินมาอยู่วัด
ได้ออกจากวัดไปอยู่คฤหาสใหญ่โต
แต่ยังกลับมาสู่วัดอีก
เรื่องนี้ท่านทราบว่า
เศรษฐีหา่ได้รังเกียจเด็กน้อยน้ำพุ
แต่อย่างใดไม่
หากแต่ว่าท่านอยากให้บวชเรียนเพื่อ
สร้างกุศลแลบารมีให้ลูกชายของท่าน
ซึ่งท่านคาดหวังว่าจะได้เป็นทหาร
ยศใหญ่โต ในภายภาคหน้า
ท่านมีเมียสองคน คนพี่และคนน้อง
มีลูกสาวและลูกชาย
หากแต่ลูกชายคนหนึ่งนั้นเป็นใบ้
จึงหมดหวังไปแล้ว
จึงต้องไปขอน้ำพุ มาเป็นลูกคนกลาง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น