หน้าเว็บ

วันพฤหัสบดีที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

ย้ายบ้านพักศาลด้วยการกระดี่แบบวิธีโบราณ

การดีดบ้านย้ายบ้านโดยไม่ต้องรื้อ..
เห็นมีคนบอกว่าบ้านพักศาลที่กำลังมีปัญหา
หากรื้อไม่ได้ก็ให้เผามันซะเลย
คนที่พูดแบบนี้ แสดงว่าโง่
ไม่เคยเปิดตัวเองออกมาจากกระลาเลยล่ะมั้ง

เคยเห็นหรือเปล่า เวลาเขาย้ายโบสถ์
ย้ายศาลาวัด เพราะน้ำท่วม
หรือเพื่อปรับภูมิทัศน์ใดๆนั้น
เขาใช้วิธีกระดี่บ้าน หรือสมัยนี้เรียกว่าดีดบ้าน
เขาใช้วิธีแบบโบราณๆ
ย้ายโบสถ์เป็นหลังๆ
ไม่มีแตกไม่มีหัก ไม่มีร้าว
ไม่เชื่อลองติดต่อค้นหาข้อมูลดูดีๆ
ผมว่าแค่บ้านพักศาล
หากจะย้ายลงมาให้อยู่ในที่อันควร
ก็สามารถย้ายมาได้ทั้งหลัง
ไม่ต้องรื้อหรือทุบทิ้งแต่อย่างใด
ติดตามข่าวสารแล้วควรใช้สติด้วย





อย่าให้เขาจูงจมูกจนเหมือนควาย นะออเจ้า..

วันพุธที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

คนกล่อมโลก

"..กล่อมโลก เดียวดาย
.ให้หาย วัง เวง
.ชะโลม เสียงเพลง
.ไปบน โลก กลอน
.เพลง เอ๋ย จง แทรกซ้อน
.สู่ พฤกษ์ พง ดง ดอน
.กล่อมสิงขร ทั่ว ขุนเขา.."
เพลงนั้นจบไปแล้ว
และจะไม่มีใครร้องที่นี่อีก
เธอซ่อนน้ำตาไว้ใต้ผ้าคลุมสีดำขลับ
สิ้นเสียงปืน
เธอวิ่งออกมาดู
แต่นึกได้ว่าลืมผ้าคลุมศรีษะ
จึงย้อนขึ้นเรือน
ไปคว้ามาคลุมแบบลวกๆ
สิ่งที่เห็นคือร่างคนนอนแน่นิ่ง
บนหลังคา อันไม่อยากเรียกว่าอะไรทั้งสิ้น
พร่งนี้เช้าหรือเย็นนี้
คงมีข่าวทุกช่อง
ว่าทหารมาช่วยทาสี
แล้วโดนยิงคาหลังคา..
เธอเม้มปาก หันหลังกลับ
ผ้าคลุมหน้าเปียกชุ่มไปด้วยน้ำตา..
."เพลงรัก กล่อมโลก ทั่วไป
.แต่ยาม ผม ทุกข์ใจ
.ต้องแอบ ร้องไห้ หลัง เว ที"
เขาชอบร้องเพลงนี้เบาๆ
และเธอชอบฟัง
อ้อ ต้องบอกว่าแอบชอบฟังสิ
เพราะที่นี่ห้ามร้องเพลง
เขาคงร้อง ตอนทาสีมั้ง
แล้วคมีคนได้ยิน
เหตุผลแค่นี้เหรอที่ฆ่าเขา
แค่ร้องเพลงเนี่ยะนะ
หล่อนร้องไห้
คนไปดูศพกันหมดแล้ว
เดี๋ยวคงมีเจ้าหน้าที่มาปิดล้อมตรวจค้น
หมู่บ้านเธอ คงมีชื่อเสียงในเรื่อง
ของความโหดร้ายทารุณ
เธอคุกเข่า อาบน้ำตาลงฝ่ามือ..//

วันอังคารที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

แม่หญิงปานวาด

แม่หญิงการเกด ย่องไปหาแม่ปานวาด
สอบถามว่า เข้าหอกับขุนเรืองแล้วเป็นเยี่ยงใดบ้างเล่า
แม่ปานวาดหาได้กล่าวตอบแต่อย่างใด
หากแต่เอื้อมมือไปหยิบสิ่งหนึ่งขึ้นมาส่งให้
แลผินหน้าไปเสียทางชานเรือน
"ขนไก่..!!
แม่ปานวาดเอามาให้ข้าทำไมเล่า"
แม่การเกดมิรู้ความ
"ลองปั่นหูออเจ้าสิแม่การเกด"
แม่ปานวาดยังขวยอาย อ้อยอิ่ง
แม่การเกดจึงลองแหย่ขนเข้ารูไก่
เอ้ย ..แหย่ไก่เข้ารูขน เอ้ย แหย่ขนไก้ฃ่เข้ารูแม่ปานวาด
เอ้ยย แหย่ขนไก่ ของแม่ปานวาดเข้ารูหูตัวเอง
แล้วก็ทำหน้าเหยเก
ถึงตอนนี้ หน้าแม่ปานวาดแดงระเรื่อเจอสีชมพู
"อูยยยยย..."
แม่การะกด ข่มเสียงให้เบาลง
"สงสัยข้าว่า คนเดียวคงไม่พอ"


เอ้ย ข้างเดียวคงไม่พอ..

คนต้นน้ำ

น้ำเป็นเป็นของสูงและศักดิ์สิทธิ์
น้ำทำให้สิ่งมีชีวิตดำรงอยู่ได้

ท่านรู้หรือไม่ว่า
น้ำไหลจากที่สูงลงสู่ที่ต่ำ
คนอยู่สูงเรียกว่าคนต้นน้ำ
เมื่อคนต้นน้ำ
ไปเที่ยวกินละดื่ม
แลห้อยขาลงไปยังน้ำ
ท่านก็เหมือนเอาตีนแช่น้ำให้คน
กลางน้ำและท้ายน้ำได้ใช้สอย

ท่านเย็นเท้าระรื่นอุรา
น้ำมิได้คลายความเย็นลงเพราะตีนของท่าน
และน้ำไม่เคยขาดคุณสมัติของน้ำ
ในการชะล้างสิ่งสกปรก
แต่สิ่งที่ขาดคุณสมบัติ
ก็น่าจะเป็นพวกท่านั่นแหละ
ขาดจากความเป็นมนุษย์
ที่รู้จัก ผิด ชอบ ชั่วดี
พระเจ้าจึงไล่ออกจากสวนเอเดน
และสาปแช่ง ให้ไปหากิน อาบเหงื่นต่างน้ำ
ทำมากแต่ได้น้อย
จนต้องอาบเหงื่อต่างน้ำ
แล้วพระเจ้าก็ให้
แมลงมากัดกินพืชผลของท่าน
ให้เกิดโรคระบาดในหมู่พวกท่าน
เพราะพวกท่าน นำความบาป อันไม่บังควร
มาสู่แผ่นดินที่มีน้ำผึ้ง และน้ำนมไหลบริบูรณ์



ที่มาของนักการเมือง

#นักการเมืองสมัยพ่อเรา..
เริ่มต้น
มาจากเป็นผู้ใหญ่บ้าน
แล้วไต่เต้ามาเป็นกำนัน
แล้วผันไปเป็นสจ.
แล้วจึงได้เป็นผู้สมัครสส.
บางคนสมัครหลายสมัยจนชาวบ้านเห็นใจ
ให้ลองเป็นดู ก็พากันเลือ
ช่วงนี้เป็นหัวเลี้ยวหัวต่อ
บางคนสมัครสมัยเดียว สอบตก ก็หันหลังให้วงการ
ไม่ก็ลงไปเป็นสจ.ตามเดิม
คนเป็นสส.จึงผ่านร้อนผ่านหนาวมาเยอะ
รู้รสชาติของการสอบตก ว่า มันเจ็บปวดซ่ำได๋

จากจากสมัยนี้
ขอแค่มีเงินสร้างภาพ
ใช้เวลาเดินสร้างภาพไม่นานก็ได้เป็นสส.
ได้เป็น นายก
รองนายก รัฐมนตรี
ไม่รู้ว่าชาวบ้านมันโง่กว่าเก่า
หรือว่าเล่ห์เหลี่ยมนักการเมือง
มันเยอะกว่าเก่ากันแน่../
เฮ้อ...เพราะเรามันจน..//