หน้าเว็บ

วันจันทร์ที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2561

ป่าแหว่ง สันดานโหว่

กำลังเป็นที่โจษขาน ถึงเหตุการณ์ ป่าแหว่ง
กับบ้านพักศาล ที่ใชเหมียง
ถามว่าทำไม มาทวงผืนป่ากันตรงนี้
ทำไมโยนโจทน์ให้ คสช.ว่าต้องรื้อเท่านั้น
โดยไม่สนใจว่า
สร้างและอนุมัติให้สร้างในสมัยไหน
สิ้นเสียงคำประท้วง
ก็ตามาด้วยหลักฐานว่า มิใช่มีแต่ตรงนั้น
ที่ป่าแหว่ง หากยิ่งขุดยิ่งเจอ
ดุจดั่งสิวสาว ที่ถูกทาทับด้วยแป้งที่มีตราอย.ปลอม

แล้วไฉน จึงโฟกัสแต่ตรงบ้านพักศาลเล่า
ตอบว่า เพราะที่นั่น
มีที่มาที่ไปที่เหมาะแก่การทำเป็นเชื้อปะทุนะสิ
หากไปชี้เป้าใส่ป่าแหว่งในดงข้าวโพด ของตาสีตาสา
แน่น่วลล ว่า คสช.จะสั่งตรวจสอบ ถึงขั้นยึดและติดคุก
ในทันที เพราะ คสช.รื้อ ร่มหน้าหาด จัดระเบียบ
สถานที่อันบ่งชี้ว่าผิดกฎหมายมานักต่อนัก
หากทะลึ่งแย่รังแตนไม่ดูตาม้าตาเรือ
อันสร้างผลกรรมให้กับผู้ทำผิดที่บริสุทธิเอาได้ง่ายๆ

ดังนี้ จะคิดว่า ตรงนี้แหระเหมาะ กว่าที่อื่น
ที่จะยื่นเข้าสู่ระบบมกวนน้ำให้ขุ่น
หวังตาปลาหน่าไซเอาง่ายๆ
งานนี้ ต้องเจาะข้อมูลกันดีๆลึกๆ
จะรู้ว่ามันมีเงี่ยนงำ..ซ่อนอยู่
ตื่นลึก ขนาดไหน
ยกส้นตีน เจอตาปลา
ขุดตาปลา แล้วได้อะไร
นอกจาแผลเหวอะหวะ..


งดใช้แรง

ถึงวันแรงงาน ผัวเมียหยุดงานอยู่บ้าน
ผัวออกตัวว่าห้ามใช้แรงงานใดๆทั้งสิ้น
เมียก็ไม่ว่าอะไร ตื่นมาอาบหน้ำแต่งตัว
ใส่ชุดนอนเบาโหวงเหว่ง
เดินไปเดินมาชะเวิบชะวาบ
ผัวเห็นท่าจะไม่ได้ความ
จึงชวนเมียถอนขนจั๊กกะแร้
"ไม่ได้ๆ วันนี้วันแรงงาน"
เมียบอก ด้วยเสียงเด็ดเดี่ยว
"ก็งานมันเร่ง ก็ทำโอที
บวกค่าแรงเพิ่มให้ก็ได้นี่นา"
ว่าแล้วก็ต้องจ่ายค่าแรงเพิ่มให้เมีย
เพราะปากอยู่ไม่สุข
ชอบเรียกร้องมากกว่าการให้..
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่าปากพาจนว่ะ..//

ผีไร้ศาล.

เคยคุยกับผีที่มาขออาศัยอยู่ด้วย ซึ่งนับวันยิ่งเยอะ
ว่าเหตุใด ออเจ้าจึงชอบมาอยู่ที่นี่
กันเยอะแยะเยี่ยงนี้
บรรดาผีๆ บอกว่า ที่นี่ดี
ไม่มักมาก ไม่ฟุ้งเฟ้อ และไม่ฉวยโอกาส
หากเป็นที่อื่น เวลาผีไปอยู่ด้วย
อย่างแรกเลยมักจักขอหวย และต่อไปก็ให้ไปดลใจคน ให้ไปเข้าฝันคน แล้วก็ตั้งตัวเป็นผู้วิเศษบ้าง อาจารย์บ้าง ซึ่งหากผีตนใด ไปเจอคนแบบนั้น ถือว่าตกนรกทั้งเป็น ต้องไปเที่ยวหลอกลวงคนอื่น เพื่อมาสนองกิเลสตัณหาเจ้านายของตน
แต่มาอยู่ที่นี่ สบายใจ  เรา ซึ่งเป็นคนเลี้ยง
ก็อยู่แบบกันเอง แบบพี่ๆน้องๆ
กินกันอดๆอยากก็ช่างมัน
ครั้นถามว่า ทำไม ไม่บอกหวยเรามั่ง
เขาอกว่า ผีไม่มีอำนาจมากพอที่จะไปบังคับหวย
ให้ออกเลขอะไรได้ มีแต่คนเท่านั้นที่บังคับได้
ดังนั้น อย่าไปเชื่อใคร ว่าเลี้ยงผี
มีกุมาร แล้วใบ้หวยแม่น
ถ้าใบ้ถือว่าไม่แม่น ถ้าแม่นจริงไม่ต้องใบ้
บอกตรงไปเลย (หัวเราะ)
อ้อ ..คราวนี้ตาสว่างเลย ว่าทำไม ผีชอบมาอยู่กับเรา
แล้วมันสิงเราป่าววะ มิน่าถึงได้หิวบ่อย..
กลางคืนไม่หลับไม่นอน กลางวันนอนยังกะเมาเห็ด
ผีมันสิงนี่เอง....อ่ะอ่ะ ...เพราะเรามันจน..
มีคนถามว่าเมื่อไรจะเขียนเรื่อง
สามจังหวัดชายแดนใต้อีก
ชอบอ่าน อะไรๆในอีกมุมหมองหนึ่ง
ต้องขอบอกว่า บางอย่างต้องใช้เวลานานพอสมควรครับ

เมาคาลูกหมาปี่..

"เราต้องประท้วง เราต้องลุกขึ้นต่อสู้กับมนุษย์"
เสียงโหวกเหวก ดั่งนั่นป่า
มาจากเสียงของสัตว์เกือบหมื่นชีวิต
ที่มารวมตัวกัน
ประท้วงเรียกร้อง ให้เอาป่ามามาคืน
นับวันมนุษย์กำลังรุกล้ำอธิปไตย์
ของสัตว์มากขึ้น
จนพวกมันแทบไม่มีแผ่นดินจะอยู่

"ไล่บ้านศาลพระภูมิแล้ว
อย่าลืม ไล่คสช.ด้วย"
เหี้ยตัวหนึ่งตะโกนขึ้น
"ใช่แล้ว ๆ เราไม่เอาเผด็จการทหาร"
ไก่ป่าผสมโรง
ช้างป่าจึงอาสานำทัพ..
มันคิดแค่ว่า
เอาเหตการณ์นี้บังหน้า
แล้วบุกเข้าไปกินกล้วยน้ำหว้าของชาวบ้านดีกว่า
"อ๊าาาาาาากกก"
ช้างลงไปชักดิ้นชักงอตายต่อหน้าต่อตา
สัตว์ป่าอื่นๆพากันตกใจ
มันเพ่งดูลวดที่ขึงยาว มีไฟแลปแป๊บๆ
แล้วอุทานว่า..
"กับดัก"..!!..//


วันอาทิตย์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2561

กระจ่างแล้ว เหตุใดชาวบ้านไม่คัดค้านบ้านพักศาลตั้งแต่แรก

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ รื้อศาลเก่า
กระจ่างเลย สาเหตุที่ชาวบ้านไม่คัดค้านการสร้างบ้านพักศาล
เพราะชาวบ้านคิดว่าจะสร้างบ้านพักศาลพระภูมิน่ะสิออเจ้า..
อ่ะอ่ะ เพราะเรามันจน
#น้ำพุ...
คนงานในไร่มันสัมปะหลัง
มาเล่าว่าไปพบเด็กกำพร้า
เฉลียวฉลาดทันคน พูดจาฉะฉาน
เสียดายมิได้เล่าเรียน
ด้วยฐานะยากจน
มาตแม้นคุณหญิงจำปาจะเมตตา
รับเลี้ยงแลอุปถัมป์ค้ำจุน
คงเป็นบุญของเด็ก
กล่าวกันเยี่ยงนี้หลายๆปาก
มากความเข้า คุณหญิงจึงขอพบเด็กคนนี้
ตัวดำ เนื้อตัวมอมแมม ตาใสบ๊องแบ๊ว
พูดจาฉะฉานดั่งว่า
จะเลี่ยงงเองก็สุดปัญญา
จึงไปเจรจากับพระคุณหลวงพ่อที่วัด
ท่านก็จับยามสามตาดูแลพยักหน้า
เด็กก็ถูกพามาอยู่ที่วัด
คราวนั้นเศรษฐีมากมาทรัยย์
อยากได้ลูกบุญธรรมไปเลี้ยง
ด้วยว่าไปดูหมอมาแล้ว
หมอทักว่าลูกชายเป็นคนน้อยวาสนา
จักได้ดีแต่ว่าต้องมีคนมาคอยรับเคราะห์แทน
จึงวางอุบายว่าจะไปขอเด็กมาเลี้ยง
ให้เป็นเกลอกันกับลูกชายตนเอง
เด็กน้อยจากป่ามัน
มาอยู่วันได้สามวัน
ก็ได้ไปอยู่หฤหาสมโหฬาร
เขานั่งหงอๆ มิกล้าพูดจากับผู้ใด
ด้วยรู้ตัวว่าต่ำต้อยยิ่งนัก
พี่สาวสองคนก็ถูกยกให้เศรษที่ที่บางกอก
เพราะพ่อตาย แลแม่ก็พิการ
ใยต้องเลี้ยงลูกอีก
เลยจำยอมจากแม่มา
เรียนและเล่นอยู่กับลูกๆท่านเศรษฐี
ประดุจลูกกลานได้สักปีนึง
ก็เกิดเหตุ คุณทวดท่านเสียชีวิต
ท่านเศรษฐี มีดำหริให้ หลานๆบวชเณร
อันรวมเอาไอ้ดำเด็กลาวเข้าไปด้วย
ตอนบวชกันนี่สนุกสนาน
ครั้นกลางคืน เผาศพเสร็จ
มีแต่คนร้องให้ขอสึกจากเณร
มิมีผู้ใด จักขออยู่กเก็บอัฐถิของผู้ชาย
ท่านเศรษฐีจึงว่า
เณรดำ อย่ารีบสึก รอเก็บกระดูกก่อน
เขาก็อยู่ต่อ ครั้นเก็บกระดูแล้ว
เศรษฐีก็ว่ารอทำบุญ 7 วันก่อนค่อยสึก
แล้วก็มาบอกว่า
รอทำบุญ 100 วันก่อนค่อยสึก
เณรดำก็อยู่เยี่ยงนั้น
เจ้าอาวาสนก็สอนวิปัสนาให้แก่เณร
ท่านว่า ต่อแต่นี้ ออเจ้าจงชื่อ"น้ำพุ"เถิดหนา
ด้วยบุญญาของเจ้า เหมือนน้ำพุ
พุ่งขึ้นสูงสุด แล้วก็ตกลงสู่ดิน"
ที่ว่านี้ ท่านเห็น น้ำพุ นี่ อุตส่าหนีจากดินมาอยู่วัด
ได้ออกจากวัดไปอยู่คฤหาสใหญ่โต
แต่ยังกลับมาสู่วัดอีก
เรื่องนี้ท่านทราบว่า
เศรษฐีหา่ได้รังเกียจเด็กน้อยน้ำพุ
แต่อย่างใดไม่
หากแต่ว่าท่านอยากให้บวชเรียนเพื่อ
สร้างกุศลแลบารมีให้ลูกชายของท่าน
ซึ่งท่านคาดหวังว่าจะได้เป็นทหาร
ยศใหญ่โต ในภายภาคหน้า
ท่านมีเมียสองคน คนพี่และคนน้อง
มีลูกสาวและลูกชาย
หากแต่ลูกชายคนหนึ่งนั้นเป็นใบ้
จึงหมดหวังไปแล้ว
จึงต้องไปขอน้ำพุ มาเป็นลูกคนกลาง
ในภาพอาจจะมี หนึ่งคนขึ้นไป, ผู้คนกำลังยืน และ หมวก
คุณหญิงจำปากอดลูกน้อยสะอื้นไห้
พากันก้มกราบหน้าที่นั่งของหญิงสูงศักดิ์
ด้วยสำนึกในบุญคุณเป็นล้นพ้น
ที่จู่เธอคนที่อยู่เบื้องหน้า
ก็ยื่นมามาช่วยในคราวที่ขับขัน จนถึงขั้นจนตรอก
"มิต้องกราบต้องไหว้ฉันดอกจ่ะ แม่จำปา
ฉันเห็นชีวิตเธอแล้วเวทนายิ่งนัก
ยิ่งฟังจากปากหมอยิ่งเวทนา
และคิดว่าต้องรีบมาให้ไวที่สุดเท่าที่จะทำได้
เด็กๆสองคนนี่ฉันอาสาส่งเสียเลี้ยงดูเอง
ส่วนตัวเธอฉันก็จะเลี้ยงดูไปจนแก่เฒ่า
แต่..มีข้อแม้ว่า
วันใด้ที่ลูกเธอเรียนจบ มีงานทำมีเงินเดือนกิน
เธอกับลูกๆก็ต้องช่วยเหลือคนที่ตกทุกข์ได้ยาก
ต่อไปอีกเป็นทอดกันไป ให้เหมือนดั่งว่ามันคือมรดก
เยี่ยงนี้เธอจะทำได้หรือไม่ฉันเองไม่กำหนดให้ดอกหนา
ถ้าเธอมีบุญ มีดวงตาเห็นธรรม
ว่าเธอเองเคยทุกข์ยากมาเยี่ยงใด
แล้วจำคำฉันไว้มั่น ยึดถือสัจจะนี้ไว้ไม่คลอนแคลน
ชีวิตเธอและครอบครัว ก็จักสมบูรณ์พูลผล
ไม่อยากไม่จนหรอกหนา "
คุณหญิงจำปา พนมมือรับคำ
แลหันไปบอกทั้งบุตรและธิดาให้รับคำ
คุณยายคนสวย
งานศพของสมพร จัดอย่างเรียบง่ายดุจศพไร้ญาติ
มีเพียงแม่ของเขาเท่านั้นที่มางาน
ด้วยรังเกียจว่าสมพรเป็นชายชู้
ที่เข้าหาจำปา จนสามีต้องหนีไปมีเมียใหม่
นี่คือเรื่องที่ชาวบ้านเข้าใจ
คงมีแต่จำปา กับลูกๆ สมพร และแม่เท่านั้น ที่เชื่อว่า
ทั้งสองอยู่ด้วยกันมา 25 ปี
โดยไม่มีอะไรเกินเลยต่อกันเลย
"ฉันจะกลับบ้านไปซักผ้า กวาดบ้านสักหน่อย
มีอะไรจะสั่งฉันไหม"
จำปาหันไปพูดกับสมพร ที่นอนอยู่บนเตียง
หมอหมดหวัง ด้วยมะเร็งตับลุกลามไปมากแล้ว
"ถึงแกจะไม่เคยรักฉันเลย ฉันขอแค่แกจำฉันได้ก็พอ"
จำปาพยักหน้า นึกอยากจะจับมือคนใกล้ตาย
เผื่อว่า เขาจะได้จากไปอย่างสงบ
แต่ มาคิดๆดู จะจับทำไม
ไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย
ก็ละสายตาแลเดินจากไปเสีย
สมัยนั้นไม่มีโทรศัพท์
คุณหญิงจำปา จึงไม่รู้ว่า
หมอตามหาเธอกันจ้าระหวั่น
ขี่จักยานไปถึงโรงพยาบาล
จนเกือบจะห้าโมงเย็น
เห็นห้องพิเศษที่สมพรพักอยู่เปิดโล่ง
ก็คิดว่าหมอคงพาไปตรวจอะไรที่ไหน
ก็เดินเข้าไปเก็บโน่นเก็บนี่
แต่ ใจมันรู้สึกเย็นๆ แปลกๆ
จนพยาบาลมาเจอ แล้วค่อยปลอบใจว่า
คุณลุงเสียแล้ว..
จำปาเม้มริมฝีปาก
เจ้าหล่อนเกลียดผู้ชายคนนี้
ที่วิ่งเข้ามาคว้าเธอไว้
ในวันที่กรีดร้องจนสลบหมดสติ
ทำไมไม่เป็นสามีของหล่อน
ที่มีลูกด้วยกันถึงสองคน
เขาไม่หันมามองด้วยซ้ำ
เธอปาดน้ำตา ถามว่าศพสมพรอยู่ที่ไหน
แล้วหมอก็พาไป
"คนไข้ อยู่กับน้ำ กับฝนมากเกินไป
บอดบวม ติดเชื้อในปอดผสมกับตับที่แข็งงอยู่แล้ว"
หมอธิบายให้ฟัง
สมพรไม่ดฃกินเหล้า ไม่สูบบุหรี่
แต่เป็นไวรัสตับอักเสบ
กว่าจะรู้ตัวก็จนรุกลามไปมากแล้ว
จึงมิทันจะได้สู้กับโลก
เขาเสียชีวิตที่โรงพยาบาลศภมิตรสุพรรณบุรี
ปีไหน จำปาจำไม่ได้แน่ชัด
คร่าวๆว่าอายุเขาน่าจะ 54-55 ปี
"เมื่อคืนเธอกลับบ้านยังไง
ป้าขอโทษนะที่ละลาบละล้วง"
คุณหญิงจำปา ถามความเอากับดีเจ ร่อนเร่ รุ่งริ่ง
"ขับมอไซด์กลับครับป้า"
"แล้วไม่เปียกเหรอ "
"เปียกสิครับถึงบ้านสั่นเป็นลูกนกตกน้ำอ่ะอ่ะ"
เขายังมีหน้าหัวเราะ ชะบานั่งฟังอยู่ด้วย
แม่เปิดลำโพงให้ได้ยิน
นี่คือเสียงลุงสมพรชัดๆ เธออุทานในใจ
นี่โลกนี้ มันมีชาตินี้ ชาติหน้า
และชาติที่แล้วจริงๆเหรอ
แล้วเขามาได้ยังไง เขาเป็นใคร
ทำไม บังเอิญมาจัดรายการวิทยุ
แล้วเปิดเผยเรื่องราวที่ตัวเองป่วย
จนคุณหญิงจำปา มาได้ยินได้ฟัง..
ในภาพอาจจะมี หนึ่งคนขึ้นไป, สถานที่กลางแจ้ง และ น้ำ
คุณหญิงจำปากลับจากโรงพยาบาล
ด้วยดวงใจที่บอกไม่ถูก มือไม้สั่น
ใจสั่่น อาการดั่งว่าจะเป็นลม
ชะบาต้องประคองแม่ขึ้นรถ
แล้วพาขับค่อยๆไปอ้อมเมืองเข้าทางไผ่่ขวาง...
ดูเพิ่มเติม

วันเสาร์ที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2561

"อีกไม่กี่ปี ก็ตายจากกัน อย่าโศกศัลย์
แต่จงยิ้มสู้นะครับ.."
คนพูดนั้นเหมือนว่าตัวเองคงจะอยู่ได้อีกไม่นาน
เลยพาลมาชวนคนอื่นให้ปลงสังขาล
เขาเล่าว่า อีกไม่กี่ปี ตัวเองก็จะต้องตายเพราะโรคตับ

จึงมาจัดรายการวิทยุ
เปิดเพลงกล่อมโลก ที่หม่นหมอง
ให้คะนองดุจม้าศึก..
คุณหญิงจำปา พยายามฟังและจับใจความ
นำมาปะติดปะต่อกัน
แล้วก็คาดเดาเอาเองบ้างในส่วนที่ขาดหาย..

เข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง กระนั้น ก็ยังทนฟัง
คงเหมือนกับสมพร
ที่ต้องทนฟังคุณหญิงเพ้อพร่ำหาแต่อดีต
และอดีต จนน่าเวียนหัว..
"ไอ้บุญรอด"หมาของคุณหญิงจำปา
เป็นหมาที่กิริยามารยาทงดงาม
ขนาดมันเห่า ยังนั่งพับเพียบเห่า
เพราะรถเหยียบมัน พิการตั้งแแต่เยาวัย
คุณหญิงสงสาร จึงรับขึ้นเรือน มากินมานอน
ราวกับเคยอุปถัมกันมาแต่ชาติปางก่อน
ตั้งชื่อมันว่าบุญรอด
รายการลืมไม่ลง มาอีกแล้ว
เป็นคืนที่สอง พ่อนักพูดคนใหม่แห่งสถานี
ยังพูด กลับหน้ากลับหลัง
มีเอ้ย..บ่อยๆเพราะพูดผิด
แต่ฟังดูเป็นธรรมชาติดี
เห็นบอกว่า วันนี้มีคนโทรมาเพลงด้วย
"จันทร์เอ๋ยจันทร์เจ้า ก่อนเคยขอข้าวขอแกง
แต่วันนี้ขอแหวนพลอยแดง
ผูกมือน้อข้าแล้วจันทร์จะว่าอย่างไร..
แหม..ผมฟังเพลงนี้แล้วมีความสุข
นึกถึงตอนเด็กๆ แม่ร้องเพลงนี้ให้ฟัง
เรากำพร้าพ่อ
อดมื้อกินมื้อ กันสามคนพี่
อ้อ สี่คนสิ แม่คนหนึ่ง
ลูกสามคน มันต้องสี่คน
แม่ร้องเพลงนี้ ทำให้เราอยาก
ขอข้าวขอแกงเพราะบ้านเรามีแต่ปลาร้า
กับอึ่งต้มใบมะขามบ้าง เขียดย่างบ้าง
เขียดนี่ต้องกินมื้อละขานะ
เขียดตัวหนึ่งต้องกินให้ได้ห้ามื้อ"
คุณหญิงจำปาฟังไปยิ้มไป
ชะบาชงน้ำขิงมาให้มารดา
นั่งกับพื้นหากคุณหญิงนั่งบนแคร่ไม้ไผ่
ท่านเม้มปาก นึกถึงอดีตที่ผ่านมา
มีทั้งสุขทั้งทุกข์
แต่ส่วนใหญ่จะทุกข์มากกว่าสุข
"คุณเคยรักใครข้างเดียวมั่งหรือเปล่าครับ
แบบว่าอยู่ด้วยกัน กินอยู่หลับนอน
ใช้ชีวิตเหมือนสามีภรรยาทั่วไป
แต่อีกคนหนึ่งไม่เคยรักเราเลย
อยู่กันไปเพราะหน้าที่ อยู่กันไปเพราะคิดว่า
สักวันก็รักกันเอง
สุดท้ายก็ไม่ได้อะไรเลย
แม้แต่หัวใจของอีกฝ่าย.."
คุณหญิงใจแป้ว กัดริมฝีปากจันแทบจะห้อเลือด
ชะบา ก็ได้ยินคำที่ดีเจ คนนั้นพูด
หล่อซบแก้มกับตักมารดา
กอดเอาไว้มั่น..
"เคยรักฉันบ้างไหม.อยากจะถามคำสุดท้าย..
ก่อนที่ลมหายใจ ฉันจะสิ้นสุด.."
เขาเปิดเพลงแล้ว..
แต่สองคนแม่ลูกกอดกันร้องไห้อยู่ชานเรือน...
หรือว่า ผู้ชายคนนี้ คือเขาคนนั้นในชาติที่แล้ว
ที่จะกลับมาทวงหาความรัก
ที่ไม่เคยได้รับจากคุณหญิงเลยตลอดทั้งชีวิต
"ถ้าแกไม่รักฉันเลยแม้แต่นิด
ขอแค่แกจำฉันได้ไม่ว่าชาติไหนๆหน้าก็พอ"
เขากล่าวแค่นั้น ก่อนจะจากไปอย่างสงบ..
ชะบาจำเสียงคุณลุงของเธอได้ดี
เสียงแบบนี้ จังหวะการพูด
สำนวนการพูดเป็นใครไม่ได้เลย
ทำไมจะจำไม่ได้
ก็เมื่อวันที่แม่กรีดร้องโหยหวล
แล้วหมดสติไป จนเธอกับน้องช็อกไปด้วย
ก็ลุงนี่แหระ เป็นคนวิ่งเข้ามาหา
มาเขย่าแม่ มาปลอบเธอกับน้อง
พ่อจากไปแล้ว ไปกับผู้หญิงคนใหม่
พ่อจากเธอกับแม่และน้องไปต่อหน้าต่อตา
พ่อจะพาผู้หญิงคนใหม่มาอยู่บ้านเดียวกัน
พ่อพาเมียน้อยเข้าบ้านแล้วให้แม่ยอมรับ
แม่หวีดร้องจนสิ้นสติ
แล้วแม่ไม่พูดกับมครอีกเลย
ไม่ยิ้มไม่หัวเราะ ตลอดระยะเวลา
ตั้งแต่วันนั้นจนถึงเมื่อวคืนวาน
25ปีเต็มๆ ที่แม่เพิ่งจะยิ้ม
ยิ้มเพราะแม่คิดว่า
ลุง คนนั้นกลับมาอยู่ใกล้แม่แล้ว
เธอตั้งจิตอธิฐานว่า
หากพี่ดีเจ คนที่จัดรายการอยู่นี้
เป็นลุงสมพรกลับชาติมาเกิด
ก็ขอให้เขาค่อยๆพูด
ถึงอดีตออกมาทั้งหมด
เธอกับแม่จะคอยฟัง
รายการลืมไม่ลง ทุกคืนทุกวัน..//
คุณหญิงจำปา
ตื่นมาใส่บาตพระตั้งแต่เช้าตรู่
ซึ่งเป็นธรรมดาของชาวพุทธ
ตื่นมาต้องใส่บาตร
ได้อุทิศ ส่วนกุศล 
ให้เจ้ากรรมนานเวรทั้งหลายด้วย
โดยเฉพาะกับชายคนหนึ่ง
ซึ่งไม่ใช่สามี ไม่ใช่พ่อของลูกๆ
เป็นแค่คนข้างบ้าน
ที่วิ่งมาเห็นเหตุการณ์
ตอนที่คุณหญิงช็อก
จากเหตุกาณ์สามีพาเมียน้อยเข้ามา
แนะนนำว่าเขาเป็นคนดี
หากเธอรักฉัน ก็ต้องรับเขามาอยู่ด้วย
คุณหญิงหวีด ร้อง ทึ้งหน้าทึ้งผมตัวเอง
ลงไปเกลือกกลิ้งกับดินดอน
สามีจากไปแล้ว พร้อมสาวสวยคนนั้น
เขาทิ้งเธอไม่ได้
เลยไปอยู่ด้วยกัน
สมพร เป็นคนข้างบ้าน เห็นกันมาตั้งแต่แบเบาะ
เป็นหนุ่มใหญ่ ไม่มีเมีย
เขามายืนดูตลอดทั้งเหตุการณ์
พาคุณหญิงจำปาไปหาหมอ
หอบลูกสาวกับลูกชายของเธอไปด้วย
หมอบอกว่า คนป่วยช็อก
ต้องพาไปโรงพยาบาลของทหารที่กำแพงแสน
ที่นั่นเป็นกองบิน มีหมอด้านนี้
คุณหญิงถูกมัดข้อมือด้วยเชือก
สมพรอุ้มลูกคนเล็ก จูงลูกคนโต
กับคุณหญิง ดูทุเรสทุรังสิ้นดี..
คุณหญิงจำได้ทุกอย่าง
เขาพาขึ้นรถเมล์สายสุพรรณนครปฐม
ไปลงกำแพงแสนแล้วเดินเข้าไป
หมอหมดหวัง
บอกแต่ว่าคุณป้าท่านช็อก
ต้องส่งตัวไปโรงพยาบาลประสาทวิทยา
กลับมาสุพรรณได้สองหรือสามคืน
เขากลางมุ้งให้ พาเด็กๆไปอาบน้ำ
หุงข้าว
"กินข้าวสิแก..อย่าคิดมาก
ถึงแกไม่มีเขาแล้ว แกก็ยังมีลูกนะ"
สมพรบอก พร้อมตักข้าวกับปลาเค็มมายื่นให้
แต่คุณหญิงจำปา เอาเควี้ยงทิ้ง
แล้วไล่เขาไปซะให้ไกลๆ
แต่เขาไม่ไป นอนอยู่ข้างมุ้ง
"ขอบใจนะแก ที่ดูแลฉันกับลูกเป็นอย่างดี
ขอให้วิญญาณแกไปสู่ภพภูมิที่ดีกว่านี้
ชาติหน้ามีจริง ขอให้แกเจอคนที่รักแก
ได้มีครอบครัวที่อบอุ่น.."
นึกอธิฐาน แค่นั้น น้ำตาก็รื้นขึ้นมาอีก
อยู่บ้านเดียวกันมา 25 ปี
มีแต่คนว่าเป็นผัวเมียกัน
แต่ความจริงเขาไม่เคยยุ่มย่ามเลย
จับอาบน้ำสระผม หวีผมให้
ก็ไม่เคยล่วงเกินให้ระแคะระคาย
คุณหญิงจำปาไม่เคยรักเขาเลย
ไม่เคยแม้จะคิดเรื่องชู้สาว
เธอมีสามีเดียว ที่เป็นพ่อของลูก
เคยมีคนเวทนาเธอกับลูก
จะรับเลี้ยงดู
แต่สมพรบอกว่าหากจะมีคนอื่น
ให้แกกลับไปอยู่กับพ่อของลูกดีกว่า
ถึงเขามีสองเมีย
ก็ยังดีกว่าแกไปมีคนอื่น
ใครจะมารักลูกเราเท่าพ่อแม่แท้ๆ
ข้อนี้ จำปาเห็นจริงด้วย
โดยลืมไปว่า
ที่สมพรมาอยู่ด้วยนี้
คนเอาไปลือว่าเจ้าหล่อนมีชู้
พาชู้เข้าบ้าน
เรื่องนี้แม่ของสมพรตรอมใจยิ่งนัก
ด้วยว่าคนสุพรรณเขาถือ เรื่องวันทอง
เป็นหญิงสองใจ มีผัวหลายคนเยี่ยงนี้
คุณหญิงอยู่โรงพยาบาลโรคประสาท
นานกี่เดือนกี่ปีจำไม่ได้
รู้แต่ว่า มีลูกสองคนกับสมพรอยู่ด้วยมิห่างกาย
หมอบอกว่า ต้องให้เวลาเป็นเครื่องเยียวยา
ด้วยว่า คนป่วยไม่พูด ไม่ยิ้ม ไม่หัว
ไม่ตอบสนองใดๆเลย
ต้องคอยอยู่ใกล้ๆ คอยดูแลอย่าให้ห่าง
หมอและทุกคนเข้าใจว่าสมพรคือสามีของป้า
และเป็นพ่อของเด็กๆ
จนถึงวันกลับบ้าน
หมอก็ว่าเป็นบุญของป้า มีสามีดี
ดีกะผีอะไรล่ะ
มันไปคว้าเอาเมียฝรั่งมาบ้าน
เชิดหน้าชูตา
แล้วป้าก็น้ำตาไหล
ลูกสาวสิเช็ดน้ำตาให้..//
"ยู๊ฮู..มีใครอยู่ไหม..!!.."
ผมตะโกนเรียก..
สองสามครั้ง ยังเงียบ
ไม่มีสัญญาณตอบรับจากสิงสาลาสัตว์ใดๆเลย
ผมเข้าใจว่าพวกมันคงรู้ว่า 
เสือดำทุ่งใหญ่นเรศวรเพิ่งโดนยิงตาย
โดนตัดหำไปต้มซุปกินอย่างโหดเหี้ยม
พวกมันจึงกลัวคน ..เลยไม่ออกมา
ปกติเกาะแห่งนี้นกนางแอ่นเยอะ
ผิวปากเรียกสองสามครั้งก็มาเกาะคันเบ็ตบ้าง
เกาะราวขางเรือบ้าง
แต่วันนี้ มันเงียบพิก๊ลพิกล
ผมนอนเล่นๆ เพราะปลาไม่กินเหยื่อ
น้ำไม่เดิน ขี้เกียจเปิดโทรศัพท์ดูในแอ๊ป
เลยนอน ผึ่งแดน อาบโฮโซนซะมั่ง
แล้วก็ผิวปาก เรียกเล่นๆ
"หวี๊ดๆ..หวี๊ดๆ..."
"หวี็ด........"
มันถามว่าใคร..
ผมตอบว่า คน..
มันว่า จะมาเอารังพวกกูไปแดกอีกสิ ไอ้สัตว์
มึงรู้ไหม กว่ากูจะทำรังให้ลูกกูอยู่
กันแดดกันฝนพวกกูต้องเอาเลือดเอาเนื้อเข้าแลก
กว่าจะได้น้ำลายที่พวกมึงชอบแดกแต่ละหยด
โอ้ยยย วันนี้ผมโดนนกนางแอ่นด่าเป็นภาษานก
โคตรอายเลยว่ะ
"เฮ้ย..กูมาดี กูไม่เคยกินรังนก
กูไม่เคยทำร้ายพวกมึงนะ"
ผมชี้แจง
เมียมันซุกลูกไว้ในอก
เมื่อคืนฝนตกหนัก
บางตัวที่โดนขโมยรังไป
ต้องหลบอยู่ข้างแง่หิน
ลูกมันไม่ทันมีขน
ต้องนอนหินแข็งๆ
อีกตัวหนึ่งแม่ตาย
ขณะเบ่งเลือดออกมาเป็น้ำลายเพื่อทำรังให้ลูกอยู่
"ไปจากที่นี่ซะไอ้มนุษย์ พวกเราไม่ต้อนรับ"
หัวหน้าฝูงส่งสัญญาณมาบอก
เครื่องแปลภาษาสัตว์ขึ้นข้อความบอกที่หน้าจอ
ผมพิมข้อความใส่ลงไป
และมันแปลเป็นคลื่น
ออกไปผ่านลำโพงเป็นเสียงนก
"เรามาดี เราคิดเครื่องนี้ขึ้นมาเพื่อสื่สารกับพวกท่าน"
ผมบอกพวกนกนางแอ่น
"เราไม่อยากให้มนุษย์มาที่นี่
ท่านไม่ทำร้ายพวกเราก็จริง
แต่พวกของมนุษย์ มันมีแบบที่เรียกว่าแดกทุกอย่าง"
"ติ๊ดๆ.."
มีเสียงใหม่ที่แซกเข้ามาในเครื่องสนทนา
ผมจึงเปิดดู
"จริงแล้วท่านนางแอ่น
ท่านพูดถูก มนุษย์เหี้ยพวกนี้ มันแดกทุกอย่าง
ไอ้คนเนี่ย เอาควันไฟมารมกับข้า แล้วตัดเอารังไป
มันกิน้ำหวานกับลูกอ่อนๆของพวกข้าหน้าตาเฉย"
ผมมหน้าชาดิก
ใช่สิ ผมไม่กินรังนกนางแอ่น
แต่เพิ่งกินผึ้งมาทั้งรัง แล้วมันก็ไปบอกๆกันต่อๆ
"ไอ้เหี้ยนี่ มันแดกลูกข้าด้วยนะท่านนางแอ่น"
คราวนี้ปลาโผล่พ้นน้ำมาพูดบ้าง..
"ขนาดข้าเป็นวุ้นๆมันยังแดกเลย ไอ้เหี้ย"
คราวนี้แมงกระพรุน
"ข้าอาศัยเรือมันคลอดลูก
มันจับข้าเกี่ยวเบ็ดเฉลยเลย"
แมงสาบออกมาพูดอีก
ผมโมโหมาก กระทืบเครื่องแปลภาษาซะพังคาตีน
เรื่องไรจะให้คนอื่นรู้ความเหี้ยของกูล่ะ
ปั้ดโธ่...//

คุณหญิงจำปาชะงักเท้าที่จะก้าวลงเรือน
สายโด่งแดดก็ร้อน เหตุไฉนสมพร
ยังนั้นคลุมโปงอยู่เยี่ยงนั้นเล่า
หรือว่าป่วยไข้ไม่สบายเนื้อไม่สบายตัวรึ
ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง
จึงตัดใจว่าด้วยเรื่องที่ไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย
อยู่ดีๆก็มาอยู่ด้วย หุงข้าวตักน้ำ ทำนา
ปลูกผัก ราวกับเป็นคู่ผัวตัวเมียกันนก็ไม่ปาน
เลยมิได้สนใจ ลงไปเรือน นั่งเล่นอยู่บนแค่ไม้ไผ่
สมพรไปตัดไม้ไผ่มาทำกันเองกับเด็กๆ
สายๆชะบากลับมาจากตลาด ด้วยจักรยานคันเก่า
ได้ยาแก้ไขมาให้น้อง จากร้านหมอตี๋
บาบอกว่าลุงสมพรไปต่อยมวยที่งานวัดรางกระทุ่ม
ได้เงินค่าตัวมา ว่า 50 บาทกระมัง
ตอนนี้นอนซมด้วยพิษบาดแผล
เธอฟังแล้วเฉยชามิรับรู้เรื่องอื่นใด
ไม่ยิ้มไม่หัวไม่วิตกกังวลอะไรกับใคร
ชะบาเอาข้าวให้น้องกินให้แม่กิน
แล้วป้อนยา วันนี้หยุดเรียนอีกตามเคย
ข้าวสารหมดตั้งแต่เมือวาน
ลุงสมพรไปงมหอยขมมาไว้ได้สัก 5-6 โล
บอกว่าวันนี้จะเอาไปขาย
แต่น้องมาป่วยเสียก่อน
ชะบาเห็นลุงสมพร
ไอดังๆแล้วคลานมาอ็วกออกมาเป็นเลือด
ก็ไม่ได้คิดอะไรตามประสาเด็กๆ
คุณหญิงจำปานึกทบทวนอดีตแล้ว
แปลกใจตัวเอง ว่าไปบ้าอะไรกับผัวคนเดียว
จนตัวเองสติแตก วิปลาสผิดมนุษย์มนา
ข้าวปลาไม่กิน ลูกเต้าไม่ดูแล
นึกย้อนไปว่าหากสมพร เพื่อนข้างบ้านไม่มาดูแล
บ้านนี้ลุกเต้าจะอยู่กับใครยังไงเล่านั่น
"สมพร ขอดวงวิญญาณแกไปสู่ภพภูมิที่ดีนะ
แม้นว่าแกไปเกิดใหม่แล้ว
ฉันก็จักทำบุญให้แกตลอดไป
ให้ชีวิตใหม่ของแกได้พบแต่สิ่งดีๆ
เพราะแกได้ให้ชีวิตใหม่แก่ข้าและลูก"
ก็คงเป็นเรื่องแปลก พอสิ้นบุญสมพร
คุณหญิงจำปาจึงได้คิด ว่าทำไม
ต้องไปโศกเสร้าอาดูรย์กับสามี
ซึ่งไปมีคนใหม่
ทำไมไม่มีชีวิตอยู่เพื่อลูก
เธอนั่งมองวิทยุทรานซิสเตอ
ที่สมพรชอบเปิดเพลงกล่อมทุ่ง
แล้วก็นึกขำตัวเอง
มันเป็นสมบัติชิ้นเดียวที่สมพรมี
ตลอด 25 ปีที่อยู่ด้วยกันที่นี่
แต่คุณหญิงเอาไปถวายพระ
หากท่าน กลับมอบให้กลับมาอีก
บอกว่าให้โยมไว้เปิดฟังธรรมะ
มิใช่เพราะวิทยุเครื่องนี้ดอกรึ
ที่ทำให้เจอเรื่องแปลกๆ
แลกถึงขั้นที่ว่า
บัดนี้ได้ฟังเสียเจ้าของวิทยุ
มาพูดให้ฟังทุกคืน..//